เราคือใคร

บริษัท โรงงานเภสัชอุตสาหกรรม เจเอสพี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ดำเนินธุรกิจให้บริการผลิตสินค้าตามความต้องการของลูกค้า ผลิตยา, อาหารเสริม, เครื่องสำอาง, สมุนไพร และผลิตภัณฑ์เสริมอาหารประเภทวิตามินบำรุงร่างกาย รวมทั้งกาแฟเพื่อสุขภาพ พร้อมขึ้นทะเบียนอาหารเสริมกับองค์การคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ภายใต้แบรนด์ของลูกค้า โดยมีประสบการณ์กว่า 40 ปี ด้านการผลิตยาแผนปัจจุบันและอาหารเสริมได้รับมาตรฐาน  GMP PIC/s และมาตรฐาน ISO 9001:2015 ควบคุมโดยทีมนักวิทยาศาสตร์ผู้เชี่ยวชาญ. ซึ่งในปัจจุบันได้มีการให้บริการผลิตยา, รับผลิตอาหารเสริม, ผลิตยาแผนโบราณและ ผลิตยาสมุนไพร พร้อมทั้งบริการรับจ้างบรรจุ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร รูปแบบต่างๆ ได้แก่ ตอกเม็ด, บรรจุแคปซูล, บรรจุแผงบริสเตอร์, บรรจุขวด, ขึ้นทะเบียนยาและทะเบียนอาหารเสริม โดยบริษัท โรงงานเภสัชอุตสาหกรรม เจเอสพี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เรามีโรงงานผลิตที่ถนนพระรามสาม และโรงงานในภาคเหนือ ตั้งอยู่ที่จังหวัดลำพูน

ดำเนินกิจการ

40+

ปี

จดทะเบียนกว่า


2000+

ผลิตภัณฑ์

เหตุการณ์สำคัญ

2565

ในปี 2565

  • มิถุนายน : ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติให้เปิดบริษัทย่อย ได้แก่ บริษัท แคร์ซูติก จำกัด ด้วยทุนจดทะเบียนเริ่มแรกจำนวน 5,000,000 บาท แบ่งออกเป็นหุ้นสามัญจำนวน 50,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 100 บาท โดยบริษัทเป็นผู้ถือหุ้นร้อยละ 99.99 ของทุนจดทะเบียนและชำระแล้ว ทั้งนี้ บริษัท แคร์ซูติก จำกัด ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับ Innovation Center และโรงงานผลิตผลิตภัณฑ์เสริมอาหารและเครื่องสำอางขนาดเล็ก
  • สิงหาคม : ที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นมีมติอนุมัติดังนี้
    1. แก้ไขวัตถุประสงค์การใช้เงินเพิ่มทุนจากการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) โดยเพิ่มวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการลงทุนในบริษัทย่อยเพื่อประกอบธุรกิจเกี่ยวกับ Innovation Center และโรงงานผลิตผลิตภัณฑ์เสริมอาหารและเครื่องสำอางขนาดเล็ก และการลงทุนขยายกิจการในลักษณะเข้าลงทุนในกิจการอื่นที่มีศักยภาพเพื่อส่งเสริม และ/หรือ ต่อยอดธุรกิจ
    2. ออกใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัท ครั้งที่ 1 จำนวนไม่เกิน 227,500,000 หน่วย เพื่อจัดสรรให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัทตามสัดส่วนการถือหุ้น โดยไม่คิดมูลค่า โดยมีอัตราการจัดสรรเท่ากับ 2 หุ้นเดิม ต่อ 1 หน่วยใบสำคัญแสดงสิทธิ ทั้งนี้ใบสำคัญแสดงสิทธิดังกล่าวจะมีอายุไม่เกิน 2 ปี นับจากวันที่ออก และมีอัตราการใช้สิทธิตามใบสำคัญแสดงสิทธิ 1 หน่วย ต่อหุ้นสามัญของบริษัท 1 หุ้น ในราคาหุ้นละ 2.50 บาทต่อหุ้น
    3. เพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัทอีกจำนวนไม่เกิน 113,750,000 บาท จากทุนจดทะเบียนเดิม 227,500,000 บาท แบ่งออกเป็นหุ้นสามัญจำนวน 455,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท เป็นทุนจดทะเบียนจำนวน 341,250,000 บาท แบ่งออกเป็นหุ้นสามัญจำนวน 682,500,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท โดยออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวนไม่เกิน 227,500,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อรองรับการใช้สิทธิของใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัท ครั้งที่ 1
  • กันยายน : เปลี่ยนแปลงชื่อย่อหลักทรัพย์จดทะเบียนจาก “JP” เป็น “JSP”
  • กันยายน : บริษัท แคร์ซูติก จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัท เพิ่มทุนจดทะเบียนอีกจำนวน 25,000,000 บาท จากทุนจดทะเบียนเดิม 5,000,000 บาท แบ่งออกเป็นหุ้นสามัญจำนวน 50,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 100 บาท เป็นทุนจดทะเบียนจำนวน 30,000,000 บาท แบ่งออกเป็นหุ้นสามัญจำนวน 300,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 100 บาท โดยออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 250,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 100 บาท และจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนทั้งหมดแก่บริษัท ทั้งนี้สัดส่วนการถือหุ้นของบริษัทในบริษัทย่อยดังกล่าวไม่เปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด
  • ธันวาคม : บริษัทดำเนินการขยายสายการผลิตยาแผนปัจจุบัน ณ กรุงเทพมหานคร เสร็จสิ้นแล้ว โดยสายการผลิตใหม่นี้สามารถรองรับการผลิตยาแผนปัจจุบันได้ประมาณ 20 – 25 ล้านขวดต่อปี

2564

ในปี 2564

  • พฤษภาคม : ที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นมีมติอนุมัติแผนการนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ โดยมีมติดังนี้
    1. อนุมัติลดทุนจดทะเบียนที่ยังไม่ได้รับชำระจาก 213,000,000 บาท แบ่งออกเป็นหุ้นสามัญจำนวน 426,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท เป็น 170,000,000 บาท แบ่งออกเป็นหุ้นสามัญจำนวน 340,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท
    2. อนุมัติเพิ่มทุนจดทะเบียนจาก 170,000,000 บาท แบ่งออกเป็นหุ้นสามัญจำนวน 340,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท เป็น 227,500,000 บาท แบ่งออกเป็นหุ้นสามัญจำนวน 455,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท โดยออกหุ้นสามัญใหม่จำนวน 115,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท รวมเป็นเงิน 57,500,000 บาท เพื่อเสนอขายต่อประชาชน
    3. อนุมัติการจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัท จำนวน 115,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท เพื่อเสนอขายให้แก่ประชาชนเป็นครั้งแรก (Initial Public Offering : IPO) หรือคิดเป็นร้อยละ 25.27 ของทุนจดทะเบียนชำระแล้วทั้งหมดภายหลังการเสนอขาย IPO
  • กันยายน : ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติหลักเกณฑ์การจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนเพื่อเสนอขายให้แก่ประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) ของบริษัท ดังนี้
    1. อนุมัติเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนไม่น้อยกว่า 113,750,000 หุ้น ให้แก่ประชาชน (IPO)
    2. อนุมัติเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนไม่เกิน 1,250,000 หุ้น ให้แก่กรรมการ ผู้บริหาร และพนักงานของบริษัท
  • ตุลาคม : บริษัทเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) และจดทะเบียนเพิ่มทุนที่ชำระแล้วกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2564
  • พฤศจิกายน : บริษัท โรงงานเภสัชอุตสาหกรรม เจเอสพี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) เมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน 2564

2563

ในปี 2563

  • มีนาคม 2563 บริษัทได้เสนอขายหุ้นเพิ่มทุนตามมติข้างต้น ให้แก่ กองทรัสต์เพื่อกิจการเงินร่วมลงทุนสำหรับธุรกิจเอสเอ็มอีก้าวไกลไปด้วยกัน 1 (“กองทรัสต์”) และ บริษัท เอช อี พี โฮลดิ้งส์ 4 จำกัด (“บริษัทในเครือของที่ปรึกษาของกองทรัสต์”) จำนวน 20,000,000 หุ้นที่ราคาสูงกว่ามูลค่ายุติธรรมที่ประเมินโดยที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ
  • พฤศจิกายน 2563  ที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 2/2563 ได้มีมติอนุมัติแผนการนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ โดยมีมติดังนี้

    1) อนุมัติการเพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัทโดยการออกหุ้นสามัญใหม่เพื่อเป็นการระดมทุนและเสนอขายหุ้นของบริษัทให้กับประชาชนเป็นครั้งแรกจำนวน 43,000,000 บาท จากเดิม 170,000,000 บาท (หนึ่งร้อยเจ็ดสิบล้านบาทถ้วน) เป็น 213,000,000 บาท (สองร้อยสิบสามล้านบาทถ้วน) แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 86,000,000 หุ้น (แปดสิบหกล้านหุ้น) มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท (ห้าสิบสตางค์)

    2) อนุมัติการจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัท จำนวน 86,000,000 หุ้น (แปดสิบหกล้านหุ้น) มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท (ห้าสิบสตางค์) เพื่อเสนอขายให้แก่ประชาชนเป็นครั้งแรก (Initial Public Offering : IPO) หรือคิดเป็นร้อยละ 21.9 ของทุนจดทะเบียนชำระแล้วทั้งหมดภายหลังการเสนอขาย IPO

2566

ในปี 2562

เมษายน 2562 ที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2562 ได้มีมติให้บริษัทเพิ่มทุนจดทะเบียนจาก 130.00 ล้านบาท เป็น 170.00 ล้านบาท โดยเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนจำนวน 80,000,000 หุ้น เพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน ซึ่งได้มีการจัดสรรและเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนให้แก่บริษัท สุภาพ กรุ๊ป จำกัด จำนวน 60,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท ในเดือนกรกฎาคม 2562

2561

 ที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นมีมติอนุมัติดังนี้

  1. การแปรสภาพเป็นบริษัทมหาชนจำกัด
  2. อนุมัติการเปลี่ยนแปลงมูลค่าหุ้นที่ตราไว้ จากเดิมหุ้นละ 100.00 บาท เป็นหุ้นละ 0.50 บาท โดยภายหลังการเปลี่ยนแปลงมูลค่าที่ตราไว้ดังกล่าว บริษัทจะมีจำนวนหุ้นสามัญทั้งสิ้น 260,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท